เขียนโดย พงศ์มนัส บุศยประทีป
เชื่อว่าทุกๆ ท่านคงเคยได้ยินอาชีพ “นักจิตวิทยา” กันบ่อยๆ และหากท่านได้อ่านบทความ “จิตวิทยาคืออะไรกันแน่” และ “จิตแพทย์ – นักจิตวิทยา?” ท่านคงรู้แล้วว่า นักจิตวิทยาไม่เหมือนกับจิตแพทย์ โดยจิตแพทย์นั้นคือแพทย์ที่เรียนต่อทางจิตเวช เพื่อรักษาอาการผิดปกติทางจิต โดยมีวิธีการบำบัดแตกต่างกันไป แต่ส่วนใหญ่แล้วจะมุ่งเน้นที่การใช้ยา ส่วนนักจิตวิทยานั้นเป็นบุคคลที่จบปริญญามาทางจิตวิทยา พอตัดส่วนนี้ออกไปได้แล้ว หลายๆ ท่านเลยรู้สึกว่า “อ้าว ถ้าจิตแพทย์ไม่ใช่นักจิตวิทยา แล้วนักจิตวิทยาเขาทำงานอะไรกันล่ะ” ในบทความนี้เราจะมาตอบคำถามนี้กัน ก่อนอื่นมาทำความเข้าใจกันก่อนนักจิตวิทยานั้นไม่ว่าจะเป็นนักจิตวิทยาที่ทำงานแบบไหน ต่างก็จบจากปริญญาทางจิตวิทยามาทั้งนั้น อาจจะเป็นคณะจิตวิทยา หรือสาขาจิตวิทยาในคณะมนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ ครุศาตร์ หรือสาขาอื่นๆ แล้วแต่มหาวิทยาลัย โดยจิตวิทยาเองก็มีหลากหลายสาขา เช่น จิตวิทยาพัฒนาการ จิตวิทยาสังคม จิตวิทยาการปรึกษา จิตวิทยาคลินิก จิตวิทยาชุมชน นักจิตวิทยานั้นมีงานที่แตกต่างกันมาก ขึ้นกับสาขาที่เรียน เพื่อให้เห็นภาพ ผมขอแบ่งนักจิตวิทยาออกเป็น 4 ประเภทใหญ่ๆ ประเภทแรก คือนักจิตวิทยาสายสุขภาพ นักจิตวิทยาพวกนี้จะทำงานในโรงพยาบาลเสียส่วนใหญ่ครับ นักจิตวิทยาที่พ่อๆ แม่ๆ อาจจะรู้จักกันดีคือ นักจิตวิทยาเด็ก ซึ่งเป็นนักจิตวิทยาจบมาทางจิตวิทยาพัฒนาการ (Developmental Psychology) โดยมีความเชี่ยวชาญพฤติกรรมของเด็กๆ ในโรงพยาบาลนอกจากการให้ยาแล้ว การบำบัดด้วยวิธีอื่น เช่น การกระตุ้นพฤติกรรมที่ล่าช้า หรือมีความผิดปกติทางในด้านต่างๆ เช่น เรื่องการพูด ในส่วนนี้เป็นหน้าที่ของนักจิตวิทยาเด็กครับ นอกจากนี้ยังมีนักจิตวิทยาคลินิก (Clinical Psychologist) ที่ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยจิตแพทย์ โดยนักจิตวิทยาคลินิกจะทำหน้าที่ช่วยแพทย์ประเมินคนไข้ด้วยเครื่องมือทางจิตวิทยา เช่น แบบทดสอบต่างๆ ว่าอาการของคนไข้เป็นอาการผิดปกติแบบใด นอกจากนี้นักจิตวิทยาคลินิกยังมีบทบาทในการช่วยเหลือบำบัดอาการผิดปกติทางจิตนอกเหนือจากการใช้ยาอีกด้วย หากพูดถึงการบำบัด ท่านน่าจะคุ้นเคยคำว่าการให้คำปรึกษา ซึ่งนักจิตวิทยาอีกแบบที่คอยมาพูดคุย บำบัดความเครียด หรือความทุกข์ เรียกว่านักจิตวิทยาการปรึกษา (Counseling Psychologist) นั่นเอง โดยนักจิตวิทยาการปรึกษานั้นให้บริการบุคคลทั่วไปที่มีความเครียด และความทุกข์อีกด้วย ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้ป่วยจิตเวชเสมอไป รูปแบบถัดมาคือนักจิตวิทยาที่ทำงานวิจัย นักจิตวิทยาพวกนี้มักจะอยู่ในมหาวิทยาลัยเป็นหลักครับ เช่นเดียวกันกับศาสตร์อื่นๆ การที่ความรู้จะเพิ่มพูนขึ้นได้นั้น ย่อมมีผู้ที่ทำหน้าที่วิจัยเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ นอกจากนักเรียน นักศึกษาที่ต้องทำวิจัยแล้ว ยังมีบุคคลที่ทำงานวิจัยเป็นอาชีพ และหากหัวข้อในการวิจัยเกี่ยวข้องกับจิตวิทยา บุคคลนั้นก็เรียกได้ว่าเป็นนักจิตวิทยาเช่นกัน นักจิตวิทยาประเภทนี้มีอยู่ทุกสาขาแล้วแต่ว่าจะวิจัยหัวข้อไหนทางจิตวิทยา การวิจัยก็มีอยู่หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการวิจัยในห้องทดลอง การวิจัยที่เก็บข้อมูลโดยการใช้แบบสอบถาม การสัมภาษณ์ ฯลฯ อีกหนึ่งรูปแบบคือนักจิตวิทยาที่ทำงานในสถานที่อื่นๆ นักจิตวิทยาประเภทนี้ไม่ได้ทำงานวิจัย หรือไม่ได้ทำเป็นหลักนะครับ แต่เป็นนักจิตวิทยาที่ไว้ช่วยงานที่จำเป็นต้องมีนักจิตวิทยาเข้าช่วย ตัวอย่างหนึ่งได้แก่นักจิตวิทยาในโรงเรียน ซึ่งทำหน้าที่หลายอย่างๆ เช่น การแนะแนวการศึกษา หรือการให้คำปรึกษาแก่นักเรียนที่มีปัญหา (แต่ส่วนใหญ่แล้วโรงเรียนจะมีอาจารย์แนะแนวคอยทำหน้าที่นี้แทน) นอกจากนี้ในกระบวนการยุติธรรม หรือศาลนั้น เกี่ยวข้องกับความซับซ้อนกับพฤติกรรมของบุคคลอย่างมาก บางที่เลยมีนักจิตวิทยาที่คอยให้คำแนะนำเกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรมในบางขั้นตอน โดยเฉพาะกรณีที่มีเด็กมาขึ้นศาล ก็ต้องมีนักจิตวิทยาคอยดูแลในส่วนนี้ด้วย นอกจากนี้ยังมีนักจิตวิทยาที่ทำงานต่อจากขั้นตอนดังกล่าว ก็คือราชทัณฑ์ หรือเรือนจำนั่นเองครับ ที่นักจิตวิทยาต้องคอยดูแลผู้ที่ถูกจองจำเช่นกัน รูปแบบสุดท้ายคือ บุคคลที่มีความรู้ทางจิตวิทยา แต่ไม่ใช่นักจิตวิทยา โดยบุคคลที่จบทางจิตวิทยา แต่ไม่ได้ทำงานทางจิตวิทยาเป็นหลัก แต่ใช้ความรู้และทักษะที่เกี่ยวกับจิตวิทยาในการทำงาน เช่น พนักงานฝ่ายบุคคลต่างองค์กรต่างๆ พนักงานการตลาด นักวิจัยการตลาด และรวมถึงอาจารย์แนะแนวตามโรงเรียนที่จบมาทางจิตวิทยาการแนะแนวด้วยครับ ที่เราไม่ได้เรียกบุคคลเหล่านี้ว่านักจิตวิทยา เพราะงานของเขานั้นมีสัดส่วนที่ต้องใช้ทักษะอื่นๆ อยู่มากเช่นกัน ดังนั้นจิตวิทยาจึงเป็นเหมือนส่วนเสริมในอาชีพของพวกเขานั่นเอง ในบทความนี้เป็นเพียงแค่ตัวอย่างให้เห็นภาพกว้างๆ นะครับ จริงๆ แล้วยังมีนักจิตวิทยาสายอื่นๆ อีกมากมาย นอกจากนี้อาชีพที่ใช้ความรู้หรือทักษะทางจิตวิทยาก็เรียกได้ว่ามีไม่จำกัด อาชีพที่ต้องทำงานกับคนนั้น ไม่ว่าอาชีพไหนก็สามารถนำจิตวิทยาไปประยุกต์ได้ทังนั้นครับ. บทที่ 1 จิตวิทยาคืออะไร ทำไมต้องเรียน
http://www.psychola.net/guidance/vdo-introducing-psychology บทที่ 2 จิตวิทยาเรียนอะไรยังไงบ้าง ยากไหม http://www.psychola.net/guidance/video-crashcourse บทที่ 3 จิตวิทยามีกี่สาขากันแน่
http://www.psychola.net/guidance/3 บทที่ 5 เรียนจบจิตวิทยาแล้วเอาไปทำงานอะไรได้บ้าง http://www.psychola.net/guidance/2 บทที่ 6 หนังสือที่แนะนำให้อ่านก่อนเรียน http://www.psychola.net/books/2 คลิกดูที่นี่ Link VDO http://video.mthai.com/general/player/1198948245.html
Script VDO แนะนำจิตวิทยา (Introducing Psychology) หลายๆคนในที่นี้ อาจจะสงสัยว่า จิตวิทยา คืออะไร นี่คือจิตวิทยาหรือเปล่า นี่ใช่หรือเปล่า แล้วนี่ล่ะ นักจิตวิทยา อ่านใจคนได้จริงหรือ นักจิตวิทยา หมายถึงอะไรกันแน่ จิตวิทยาหรือไซโคโลจี้ (psychology) มาจากคำว่า ไซคี (Psyche) บวกคำว่า โลจี้ (Logy) โดย Psyche หมายถึง Breath of Life หรือ Soul of Spirit ซึ่งหมายถึงจิตใจ Logy มาจาก โลกอส (Logos) หมายถึงความรู้และการศึกษา แต่อย่างไรก็ตามความหมายดังกล่าวดูจะล้าสมัยไปซะแล้วในยุคปัจจุบัน นักจิตวิทยาสมัยใหม่พยายามอธิบายว่า อะไรคือจิตวิทยาและอะไรที่ไม่ใช่จิตวิทยาโดยใช้วิทยาศาสตร์เข้ามาแบ่งแยก ท้ายที่สุด เราได้นิยามเชิงปฏิบัติการดังนี้ “จิตวิทยา คือ การศึกษาทางจิตใจ รวมทั้งพฤติกรรมของมนุษย์และสัตว์อย่างเป็นวิทยาศาสตร์” แล้วจุดเริ่มต้นจิตวิทยามาจากที่ใด มนุษย์เราเริ่มศึกษาเกี่ยวกับจิตใจกันมานานแล้ว โดยผ่านคำถามต่างๆทางปรัชญา สิ่งที่เราเป็นนั้นเป็นผลมาจากสิ่งที่เราเกิดมา หรือมาจากการเลี้ยงดูและสภาพแวดล้อมที่เราเติบโตมา ผู้ที่นำศาสตร์ทางด้านจิตวิทยา ก้าวเข้ามาสู่ความเป็นวิทยาศาสตร์ คือ วิลเฮม วุ้นด์ (Wilhelm Wundt) เขาคือคนแรกที่สร้างห้องทดลองทางจิตวิทยาขึ้นมา และเมื่อจิตวิทยาก้าวเข้ามาสู่ความเป็นวิทยาศาสตร์แล้ว ก็มีนักจิตวิทยาบางกลุ่ม มุ่งศึกษาระบบทางสรีระวิทยาและชีววิทยาที่ส่งผลต่อพฤติกรรม ความคิด ความรู้สึกและอารมณ์ของมนุษย์ บางครั้งทำการศึกษาโดยผ่านการทดลองกับสัตว์ด้วย จิตวิทยาจะศึกษาเกี่ยวกับประสาทสัมผัสทั้งห้า (Sensory) และกระบวนการรับรู้ (Perception) การรับรู้ที่แตกต่างของบุคคลทำให้เราเข้าใจในพฤติกรรมของมนุษย์ เช่น ในบางสถานการณ์บางคนอาจจะโกรธมาก แต่บางคนกลับไม่โกรธเลย ทำไมดาราจึงถูกรับรู้ว่าเป็นบุคคลที่น่าดึงดูดใจ ทำไมการรับรู้ของบุคคลที่รับรู้ผิดปกติจึงแตกต่างจากคนปกติ ทำไมเรากล้าที่จะทำผิดกฎจราจรเมื่อไม่มีตำรวจอยู่ แล้วบุคคลผู้เป็นครูจะทำอย่างไรให้นักเรียนสนใจในการสอน โดยไม่ใช้การลงโทษที่รุนแรง รวมทั้งทำไมบางคนเกิดอาการกลัวสิ่งต่างๆ จนควบคุมตนเองไม่ได้ เช่น การกลัวงู กลัวแมงมุม นักจิตวิทยาต้องการตอบคำถามเหล่านี้ นักจิตวิทยามุ่งที่จะเรียนรู้และพัฒนาองค์ความรู้ทางด้านนี้ ทำไมนักวิทยาศาตร์บางคนจึงใช้เวลาค่อนชีวิตในการทดลองสิ่งต่างๆ จนกระทั่งมนุษย์สามารถขึ้นไปเหยียบบนดวงจันทร์ได้ แต่ขณะที่มนุษย์บางคนก็ทำอาชญากรรม ฆ่าคนอื่นได้อย่างสยดสยอง อะไรกระตุ้นให้เขาทำสิ่งนั้น นักจิตวิทยาต้องการหาคำตอบว่า มนุษย์มีกระบวนการคิดอย่างไร ภาษาที่สลับซับซ้อนมนุษย์สร้างสรรค์ขึ้นมาได้อย่างไร ความทรงจำและกระบวนการคิดของมนุษย์นับว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์อย่างยิ่ง มนุษย์สามารถจำข้อมูลต่างๆได้มากกว่าสัตว์ชนิดต่างๆ นักจิตวิทยาจึงสนใจกระบวนการจำของมนุษย์ อารมณ์ต่างๆทั้งความกลัว ความรัก ความโกรธ สิ่งเหล่านี้ล้วนอยู่ในมนุษย์ทุกคน มันเกิดขึ้นได้อย่างไร เราสังเกตอารมณ์เหล่านี้ได้อย่างไร สีหน้าแบบไหนทำให้เรารู้ว่าเพื่อนกำลังโกรธ และความก้าวร้าว ความกลัวมีประโยชน์อะไรกับเรา นักจิตวิทยาพยายามศึกษาที่มา แหล่งของความเครียดและกลวิธีต่างๆที่จะช่วยเหลือมนุษย์ให้อยู่กับความเครียดได้ ความฉลาดของมนุษย์คืออะไร ไอคิว(IQ) และอีคิว (EQ) มันคืออะไร นักจิตวิทยาวัดมันได้อย่างไร ในปัจจุบันแนวทางในการศึกษาศาสตร์ทางด้านจิตวิทยาแบ่งได้ 6 แนวทาง คือ 1. พลวัตทางจิต (Psychodynamic) 2. พฤติกรรมนิยม (Behavioralism) 3. จิตวิทยาการรู้คิด (Cognitive) 4. มนุษยนิยม (Humanistic) 5. จิตชีวะวิทยา (Biopsychological) 6. สังคมวัฒนธรรม (Social-cultural) โดยนักจิตวิทยาได้อธิบายบุคลิกภาพของมนุษย์ ด้วยทฤษฎีบุคลิกภาพมากมายหลายทฤษฎี ทฤษฎีเหล่านี้ทำหน้าที่เปรียบเสมือนจิ๊กซอว์ที่ล้วนช่วยกันอธิบาย ทำให้เราเข้าใจบุคลิกภาพของมนุษย์ ความผิดปกติคืออะไร นักจิตวิทยานิยามคำว่าผิดปกติไว้อย่างไร ใช้เกณฑ์อะไรในการแบ่งแยก อะไรเป็นปัจจัยที่ทำให้บุคคลมีความผิดปกติทางจิต แล้วเราจะช่วยบุคคลผู้มีความผิดปกติทางจิตอย่างไร นักจิตวิทยาบางกลุ่มทำงานกับจิตแพทย์ นักสังคมสงเคราะห์ พยาบาล โดยมุ่งค้นคว้า ค้นหากระบวนการบำบัดทางจิต เพื่อให้ความช่วยเหลือบุคคลที่มีความทุกข์หรือมีความผิดปกติทางจิต จึงถือกำเนิดเป็นสาขาจิตวิทยาการปรึกษา (Counseling Psychology) และจิตวิทยาคลีนิก (Clinical Psychology) นักจิตวิทยากลุ่มนี้ทำการบำบัดผู้คนด้วยวิธีการต่างๆ บ้างใช้แนวคิดจิตวิเคราะห์เพื่อค้นหาปมในอดีต บ้างใช้การพูดคุยที่นุ่มนวลเพื่อให้ผู้มีความทุกข์รับรู้ว่ามีคนเข้าใจอยู่ นักจิตวิทยาบางกลุ่มศึกษาพฤติกรรมในองค์กรหรือบริษัท เพื่อค้นหาว่าองค์กรที่ดีเป็นเช่นไร และต้องบริหารองค์กรอย่างไร เพื่อให้บุคคลทำงานอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด นักจิตวิทยาเหล่านี้ล้วนอยู่ในสาขาจิตวิทยาอุตสาหกรรมและองค์การ (Industrial and Organizational Psychology) จิตวิทยาสังคม (Social Psychology) พยายามที่จะศึกษาอิทธิพลของสังคม อิทธิพลของกลุ่มที่ส่งผลต่อกระบวนการคิด ความรู้สึก อารมณ์และพฤติกรรมของมนุษย์ รวมทั้งปฏิสัมพันธ์ของบุคคลที่มีต่อสังคม สาขาจิตวิทยาพัฒนาการ (Developmental Psychology) ศึกษาพัฒนาการทุกช่วงวัยในด้านต่างๆ เช่น ด้านร่างกาย อารมณ์ ความคิด สังคม บุคลิกภาพ วิธีการเลี้ยงเด็ก วิธีการดูแลผู้สูงอายุ และวิธีการจัดการของบุคคลที่อยู่ในช่วงรอยต่อแห่งวัย นอกจาก 4 สาขาสำคัญนี้แล้ว จิตวิทยายังมีศาสตร์แห่งการเรียนรู้แตกแขนงออกไปด้านต่างๆอีกมากมาย ทางสมาคมจิตวิทยาอเมริกัน (American Psychological Association: APA) ได้แบ่งศาสตร์ทางด้านจิตวิทยาออกเป็น 56 สาขา อาทิ จิตวิทยาทั่วไป (General Psychology) จิตวิทยาการสอน (Teaching of Psychology) จิตวิทยาการทดลอง (Experimental Psychology) ประสาทวิทยาพฤติกรรม (Behavioral Neuroscience) จิตวิทยาการศึกษา (Educational Psychology) จิตวิทยาคลีนิก (Clinical Psychology) จิตบำบัด (Psychotherapy) จิตวิทยาสุขภาพ (Health Psychology) จิตวิทยาสื่อ (Media Psychology) การเสพติด (Addictions) จิตวิทยากีฬา (Sport Psychology) การวิเคราะห์พฤติกรรม (Behavior Analysis) จิตวิทยาผู้บริโภค (Consumer Psychology) ศาสตร์ทางด้านจิตวิทยา จึงเป็นสิ่งต่างๆที่อยู่ใกล้ชิดและล้อมรอบตัวเราอยู่ตลอดเวลา เพียงแต่เราจะรู้จัก สังเกตเห็นและนำมาใช้ได้อย่างเหมาะสมหรือไม่ Psychology is all around. จิตวิทยาหาเรียนจากที่ไหนได้บ้าง? ในออนไลน์ก็มีครับ คลิปชุดนี้จาก CrashCourse เป็นคลิปภาษาอังกฤษ (มีซับไตเติลอังกฤษ) จะเล่าจิตวิทยาแบบสนุกๆ มีภาพประกอบ ดูสนุกครับ คลิปมีทั้งหมด 40 คลิป แต่ครั้งนี้เอา 10 คลิปมาให้ดูกันก่อน ใครอยากดูเพิ่มคลิกที่ลิงค์นี้ได้เลย Playlist : https://www.youtube.com/watch?v=vo4pMVb0R6M&list=PL8dPuuaLjXtOPRKzVLY0jJY-uHOH9KVU6 โดย Psychola วิดิโอแนะนำเกี่ยวกับจิตวิทยาการปรึกษาว่ามีประโยชน์อย่างไรบ้าง Link: https://www.youtube.com/watch?v=oTSYPnPdbwg รวบรวมโดย Mheechola
รวมลิงค์สถาบันที่เปิดสอนเกี่ยวกับจิตวิทยา พร้อมพรั่งด้วยลิงค์เว็บไซต์ทางการของสถาบันนั้นๆ ตบท้ายด้วยสาขาวิชาจิตวิทยาที่มีให้เลือกเรียน ระดับปริญญาตรี 1.คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย http://www.psy.chula.ac.th/ มีวิชา จิตวิทยาการปรึกษา จิตวิทยาสังคม จิตวิทยาพัฒนาการ จิตวิทยาอุตสาหกรรมและองค์การ 2.คณะศิลปศาสตร์ สาขาจิตวิทยา ม.ธรรมศาสตร์ http://www.tu.ac.th/ มี จิตวิทยาอุตสาหกรรมและองค์การ 3.คณะสังคมศาสตร์ สาขาจิตวิทยา ม.เกษตรศาสตร์ http://psy.soc.ku.ac.th/fsocpsy/ มี จิตวิทยาคลินิก จิตวิทยาชุมชน จิตวิทยาพัฒนาการ จิตวิทยาอุตสาหกรรม 4.คณะมนุษยศาสตร์ สาขาจิตวิทยา ม.ศรีนครินทรวิโรฒ http://hu.swu.ac.th/psych/ 5.คณะศึกษาศาสตร์ สาขาการแนะแนว ม.ศรีนครินทรวิโรฒ http://edu.swu.ac.th/ 6.คณะศึกษาศาสตร์ สาขาจิตวิทยา ม.ศิลปากร http://www.educ.su.ac.th/program/programI.html 7.คณะมนุษยศาสตร์ สาขาจิตวิทยา ม.เชียงใหม่ http://www.human.cmu.ac.th/~psycho/ 8.คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ สาขาจิตวิทยา ม.บูรพา http://www.huso.b uu.ac.th/ 9.คณะศึกษาศาสตร์ สาขาการแนะแนวและจิตวิทยาการให้คำปรึกษา http://gep.buu.ac.th/index2.html มี จิตวิทยาการปรึกษา 10.คณะศึกษาศาสตร์ สาขาจิตวิทยา ม.มหาสารคาม http://www.msu.ac.th/ 11.คณะศึกษาศาสตร์ สาขาจิตวิทยา ม.รามคำแหง http://www.edu.ru.ac.th/aspfile/study_1.asp มี จิตวิทยาสังคม, จิตวิทยาการบริการปรึกษาและแนะแนว, จิตวิทยาคลินิกและชุมชน, จิตวิทยาอุตสาหกรรมและองค์การ, จิตวิทยาพัฒนาการ 12.คณะศึกษาศาสตร์ สาขาจิตวิทยา ม.ทักษิณ http://www.tsu.ac.th/ 13.คณะสังคมศาสตร์ สาขาจิตวิทยา ม.พายัพ http://psycho.payap.ac.th/ มี จิตวิทยาการให้การปรึกษาและแนะแนว จิตวิทยาสังคม 14.คณะสังคมศาสตร์ สาขาจิตวิทยา ม.นเรศวร http://www.social.nu.ac.th/course.htm 15.วิทยาลัยเซนต์หลุยส์ ศิลปศาสตร สาขาวิชาจิตวิทยา http://www.slc.ac.th/home/th/index.php?option=com_content&task=view&id=40&Itemid=42 มี จิตวิทยาคลินิก จิตวิทยาการปรึกษา จิตวิทยาองค์การ 16.คณะศึกษาศาสตร์ ม.สงขลานครินทร์ http://eduit.pn.psu.ac.th/index.php?option=com_content&task=view&id=169&Itemid=140 มี จิตวิทยาการศึกษาและการแนะแนว, การประถมศึกษา-จิตวิทยาการศึกษาและการแนะแนว 17.คณะครุศาสตร์ สาขาวิชาจิตวิทยาและการแนะแนว ม.ราชภัฏธนบุรี http://dit.dru.ac.th/home/001/index.php 18.คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ สาขาวิชาจิตวิทยา ม.ราชภัฏวไลยอลงกรณ์ http://2015.husovru.com/program.php?proID=2353 19.คณะครุศาสตร์ สาขาจิตวิทยาและการแนะแนว ม.ราชภัฏนครราชสีมา http://www.edu.nrru.ac.th/psychology/index.asp 20.คณะศึกษาศาสตร์ ภาควิชาจิตวิทยาการศึกษาและการแนะแนว ม.เกษตรศาสตร์ http://edupsy.edu.ku.ac.th/ ระดับปริญญาโท 1.คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย http://www.psy.chula.ac.th/psy/branch.php มี จิตวิทยาสังคม จิตวิทยาพัฒนาการ จิตวิทยาการปรึกษา จิตวิทยาอุตสาหกรรมและองค์การ 2.Graduate School of Psychology มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ http://www.grad.au.edu/py_program มี Counseling Psychology 3. โครงการปริญญาโทจิตวิทยาอุตสาหกรรมและองค์การ ม.ธรรมศาสตร์ http://www.tu.ac.th/org/arts/psycho มี จิตวิทยาอุตสาหกรรมและองค์การ 4. ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต วิทยาลัยเซนต์หลุยส์ http://www.slc.ac.th/home/th/index.php?option=com_content&task=view&id=59 มี จิตวิทยาประยุกต์ 5. การศึกษามหาบัณฑิต ม.ศรีนครินทรวิโรฒ http://hu.swu.ac.th/psych/curriculum/master.htm มี จิตวิทยาพัฒนาการ 6. คณะศึกษาศาสตร์ ม.ศิลปากร http://www.educ.su.ac.th/program/programIl.html มี จิตวิทยาชุมชน (Community Psychology), จิตวิทยาการศึกษาพิเศษ (Special Education Psychology) 7.คณะมนุษยศาสตร์ สาขาจิตวิทยา ม.เชียงใหม่ http://www.human.cmu.ac.th/~psycho/ มี จิตวิทยาอุตสาหกรรมและองค์การ ,จิตวิทยาการปรึกษา 8. บัณฑิตวิทยาลัย ม.บูรพา http://graduate.buu.ac.th/course.htm มี จิตวิทยาการแนะแนว, พยาบาลสุขภาพจิตและจิตเวช 9. การศึกษามหาบัณฑิต ม.มหาสารคาม http://www.grad.msu.ac.th/ มี จิตวิทยาการให้คำปรึกษา 10. หลักสูตรปริญญาโท คณะศึกษาศาสตร์ ม.รามคำแหง http://www.edu.ru.ac.th/aspfile/study_2.asp มี การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ (Human Resource Development ), จิตวิทยาครูการศึกษาพิเศษ (Psychology for Special Education Teachers), จิตวิทยาการพัฒนาการ, จิตวิทยาอุตสาหกรรมและองค์การ, จิตวิทยาการให้คำปรึกษา, จิตวิทยาคลินิกและชุมชน 11.คณะศึกษาศาสตร์ ม.นเรศวร http://www.edu.nu.ac.th/ มี จิตวิทยาการแนะแนว (Courseling Psychology ) 12. คณะศึกษาศาสตร์ ม.สงขลานครินทร์ http://eduit.pn.psu.ac.th/index.php?option=com_content&task=view&id=170&Itemid=141 มี จิตวิทยาการศึกษา 13.คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย http://www.cued-research.com/ มี จิตวิทยาการศึกษา 14.คณะสังคมศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์ มี โึครงการปริญญาโท สาขาวิชาจิตวิทยาอุตสาหกรรม ภาคพิเศษ http://indpsy.soc.ku.ac.th/index.html จิตวิทยาชุมชน http://psy.soc.ku.ac.th/fsocpsy/community.html 15.ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาจิตตปัญญาศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล http://www.ce.mahidol.ac.th/ 16.สาขาจิตวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล http://www.grad.mahidol.ac.th/th/prospective-students/view.php?id=2022M01G ระดับปริญญาเอก 1.คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย http://www.psy.chula.ac.th/psy/branch.php มี จิตวิทยาสังคมและพัฒนาการ จิตวิทยาการปรึกษา 2. หลักสูตรปริญาเอก คณะศึกษาศาสตร์ ม.รามคำแหง http://www.edu.ru.ac.th/aspfile/study_3.asp มี การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์, จิตวิทยาให้คำปรึกษา, จิตวิทยาอุตสาหกรรมและองค์การ 3.คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย http://www.cued-research.com/ มี จิตวิทยาการศึกษา หมายเหตุ - แก้ไขตกหล่น,แจ้งข่าวการศึกษาของหน่วยงานท่านเพิ่มเติม หรือแจ้งลิงค์เสีย ได้ที่ช่อง comment ข้างล่าง - นอกจากนี้สามารถเข้าไปดูข้อมูลว่าสถาบันใดเปิดสอนอะไรบ้างได้ที่เว็บ http://www.cpathai.org/07/studying.html หวังว่าลิงค์เว็บจิตวิทยาข้างบนนี้จะมีประโยชน์นะขอรับ สนุกกับการเรียนนะ! เขียนโดย Mheechola
คำถามนี้เป็นคำถามที่วัยรุ่นถามบ่อยมากจนคุณสังเกตได้ วันนี้เรามีผลิตภัณฑ์ใหม่มานำเสนอนั่นคือ ครีมลดความสงสัย ตราไซโคล่า! เอาละ ไร้สาระกันพอแล้ว คุณลองมาอ่านบทความแปลชิ้นนี้กันดีกว่า…. เมื่อคนนึกถึงนักจิตวิทยา มักจะคิดถึงนักบำบัดที่เรียนมาสูงๆนั่งอยู่ที่ออฟฟิศหรูหรา หรือคิดถึงนักวิทยาศาสตร์หัวฟูๆในมือถือเข็มอิเล็กโตรดคอยจิ้มสมองเล็กๆหนูทดลองในห้องแล็บ ซึ่งจริงๆแล้วมันก็จริง แต่เป็นเพียงส่วนเล็กๆส่วนหนึ่งของสิ่งที่นักจิตวิทยาทำ นักจิตวิทยาสามารถเข้าไปทำงานได้ในหลากหลายสาขาอาชีพมาก ถึงแม้ว่างานหลักใหญ่ๆจะอยู่ในด้านการบำบัดและการเรียนการศึกษา และส่งที่จะบอกต่อไปนี้คือกลุ่มงานที่คุณๆสามารถเลือกไปทำงานได้หลังจากที่ได้เรียนจิตวิทยา โดยทั่วไปแล้วควรจะจบปริญญาเอกแต่ก็มีบางสายงานที่จบปริญญาโทก็เพียงพอที่จะทำงานได้แล้ว 1.กลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษา (Clinician) กลุ่มนี้มักจะทำงานในโรงพยาบาล ไม่ก็ตามชุมชนต่างๆ หรือไม่ก็ทำเองส่วนตัวโดยใช้เวลาทำงานของตนเองทั้งวันในการอยู่กับผู้ที่รับการบำบัด โดยทั่วไปแล้วงานกลุ่มนี้จะต้องการการศึกษาระดับปริญญาเอกในทั้งสาขาจิตวิทยาคลินิกและจิตวิทยาการปรึกษา และควรจะได้เรียนเรื่องจิตพยาธิวิทยาและวิธีการรักษาต่างๆมาอย่างดี ในสหรัฐอเมริกาจะมีกลุ่มที่ทำงานแบบนี้ประมาณ 40-45% ของนักจิตวิทยาทั้งหมด 2.กลุ่มนักการศึกษา (Educator) ในสหรัฐฯ นักจิตวิทยามักจะเริ่มต้นทำงานกับด้านการศึกษาอยู่ประมาณ 40% บางคนก็สอนจิตวิทยา บางคนก็ทำงานวิจัยและให้ดูแลโครงงานวิจัยของนักเรียนนักศึกษา แนะนำการทำวิทยานิพนธ์หรือปริญญานิพนธ์ของนักศึกษา และบางคนก็ทำวิจัยกันเอง อยู่ในห้องทดลองหรือที่อื่นๆ หลายคนในกลุ่มนี้ก็เหมาเอาหมดทุกงานตามที่ได้กล่าวมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งตามมหาวิทยาลัยใหญ่ๆ 3.กลุ่มธุรกิจ (Business) นักจิตวิทยาอุตสาหกรรมและองค์การที่ได้รับการฝึกฝน ได้รับการเทรนในแวดวงธุรกิจและการจัดการองค์กร คนกลุ่มนี้จะถูกว่าจ้างโดยองค์กรใหญ่ๆหรือบริษัทที่ปรึกษาที่มีความเชี่ยวชาญด้านการยศาสตร์(Ergonomic คือ การทำให้สถานที่ทำงานและเครื่องใช้ไม้สอยให้เหมาะสมกับผู้ที่ทำงาน) งานที่ได้ทำจะขึ้นอยู่กับประเภทของธุรกิจที่เข้าไปทำและความต้องการของบริษัทนั้นๆ แต่ก็ทำอยู่เกี่ยกวับการสัมภาษณ์งาน การจ้างคน การฝึกพนักงาน การเลื่อนขั้นพนักงาน การประเมินการสื่อสารระหว่างบุคคลและระหว่างกลุ่มกัน และช่วยเหลือผู้บริหารในการตัดสินใจในเรื่องเกี่ยวกับลูกจ้างและนโยบายกฏเกณฑ์ต่างของพนักงานแม้ว่าเป็นสาขาเฉพาะที่กำลังเติบโตอยู่เรื่อยๆ แต่ทว่าในสหรัฐฯก็มีสัดส่วนแค่ 5% จากนักจิตวิทยาทั้งหมด 4.กลุ่มงานกีฬา (Sports) นักจิตวิทยาบางคนก็ผสมผสานระหว่างด้านกีฬาที่ตนเองสนใจเข้ากับความรู้ทางด้านพฤติกรรมมนุษย์และแรงจูงใจต่างๆ ผู้ที่ทำงานสายอาชีพนี้มักจะทำงานเพียงกีฬาใดกีฬาหนึ่งไปหรือเจาะจงบางทีมไปเลยเพื่อศึกษาและช่วยให้ทีมพัฒนาได้ดีขึ้น เมื่อทีมอยู่ในสภาวะแรงจูงใจตก มีความกังวล ความกลัว และตอนที่มีเป้าหมายในการแข่งขัน 5.กลุ่มงานเทคโนโลยี (Technology) เทคโนโลยี คอมพิวเตอร์ และอินเทอร์เน็ตเป็นกลุ่มงานใหม่ที่ตระหนักถึงสิ่งที่เป็นประโยชน์จากจิตวิทยา นักจิตวิทยาจะมีบทบาทเข้าไปเกี่ยวข้องกับการวิเคราะห์เรื่องระหว่างคนกับเครื่องจักร คนกับสิ่งแวดล้อมการทำงาน คนกับเทคโนโลยี เป็นต้น หรือจะพูดอีกอย่างได้ว่า นักจิตวิทยากลุ่มนี้จะศึกษาว่าเทคโนโลยีจะส่งผลอย่างไรกับเรา และเทคโนโลยีจะช่วยทำให้ชีวิตของเราดีขึ้นได้อย่างไร 6.กลุ่มงานอื่นๆ (Other) ผู้เขียนไม่สามารถระบุได้หมดว่านักจิตวิทยาสามารถทำอะไรได้บ้าง เพราะว่านักจิตวิทยาสามารถทำงานได้หลากหลายมากมาย บางคนก็ทำงานส่วนตัวเป็นพาร์ทไทม์และมีสอนบ้าง บางคนก็ทำการวิจัยในช่วงปิดภาคฤดูร้อนและก็เข้าสอนในช่วงเดือนอื่นๆ บางคนก็เอาความรู้จิตวิทยาไปใช้ในการอาชีพของตนเอง งานใดที่ใช้คนก็ควรจะคิดถึงนักจิตวิทยาเข้าไปด้วย ยังไงก็ตามสิ่งที่นักจิตวิทยาควรจะเก่งๆเอาไว้คือ ศึกษาเกี่ยวกับด้านปัญญาการรู้คิด ศึกษาอารมณ์ และศึกษาพฤติกรรมคนนี่แหละ ที่ได้อ่านไปก็คืออาชีพของนักจิตวิทยาในสหรัฐอเมริกา ซึ่งก็พอจะเป็นแนวทางที่น้องๆจะเอาไปตอบพ่อแม่ที่ถามมักจะถามว่า “จบจิตวิทยาแล้วทำอะไรเหรอลูก” แต่…แล้วในเมืองไทยฟ้าใส ในน้ำมีปลาในนามีข้าวอย่างบ้านเราล่ะ จิตวิทยามันทำอาชีพได้อย่างนี้จริงหรือ? คำตอบจากผมคือ จริง แต่บ้านเราจะเน้นไปที่กลุ่มธุรกิจและกลุ่มการศึกษามากกว่า เพราะ เนื่องจากเห็นได้ว่าจิตวิทยาอุตสาหกรรมและองค์การเป็นสาขาที่มีประชาชีสนใจตบเท้าเข้าไปเรียนมากที่สุดนั่นเอง! และเมืองไทยจะพบนักจิตวิทยาที่ทำอาชีพครูอาจารย์มากที่สุดด้วย! แล้วนอกจากนั้นก็มีหลายอาชีพให้นำความรู้จิตวิทยาไปใช้ หลากหลายเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นนักจิตวิทยาคลีนิก (เป็นชื่อเรียกสาขาหนึ่งในจิตวิทยา) นักจิตวิทยาคลีนิกเหล่านี้ชอบสิงอยู่ตามโรงพยาบาล เฮ้ย! คนนะไม่ใช่ผี นักจิตวิทยาสังคม (เป็นอีกสาขาหนึ่งเหมือนกัน)มักจะอยู่ตามบริษัทวิจัย วิจัยโฆษณาก็มีนะ คนพวกนี้ทำงานวิจัยได้ดีเลยทีเดียวขอรับ นักจิตวิทยาการปรึกษา (เป็นชื่อสาขาหนึ่งในจิตวิทยาอีกแล้ว) คนพวกนี้จะอยู่ตามโรง’บาล ไม่ก็โรงเรียน หรืองานที่เกี่ยวกับสังคม ช่วยเหลือผู้อื่น มูลนิธิต่างๆ นักจิตวิทยาอุตสาหะ..อ้อ เขียนไปแล้วนี่นา และผมคิดว่าไม่มีอาชีพใดที่ไม่เกี่ยวข้องกับจิตวิทยา เพราะ จิตวิทยาสามารถเอาใช้ได้ทุกที่ที่มี”คน”อยู่ ลองมาดูตัวอย่างหลุดโลกๆกัน เช่น แม้แต่ทำงานเกี่ยวกับส้วมๆก็ใช้จิตวิทยาได้ สมมติผมได้รับตำแหน่งเป็นพนักงานประจำส้วม ผมก็คิดแล้ว ว่าจะทำยังไงให้คนที่นั่งอึอยู่มีความสุขโดยไม่เสียเซลฟ์เวลาที่ตดเสียงดัง เพื่อให้คนตดลดความเป็นตัวตนลง (ลด Identity ลง) นักจิตวิทยาอย่างผมก็เลยเอาเสียงเพลงไปเปิดกล่อมในส้วมซะเลย ทีนี้จากเสียงเงียบๆในห้องน้ำ ก็กลายเป็นดนตรีอันไพเราะโดยที่มีเสียงปู้ดป้าดเป็นจังหวะประกอบเข้ากันได้อย่างลงตัวและเนียนเหมือนไม่มีเสียงตดเกิดขึ้น!!! คราวนี้คนนั่งอึก็จะได้ปลดทุกข์ได้อย่างหมดทุกข์อย่างสมบูรณ์ ทีนี้สำหรับคนที่จะมาเรียนจิตวิทยา ผมคิดว่าจิตวิทยาจริงๆมันเป็นวิชาที่กว้างมาก มันเลยเอาไปใช้ได้กว้างมากเช่นเดียวกัน ดังนั้น คนที่อยากเรียนหรือกำลังเรียนจิตวิทยาอยู่ควรจะค้นหาว่าตนเองชอบจิตวิทยาสาขาอะไร แล้วมุ่งเน้นเพื่อเป็นคนเจ๋งๆ expert ทางสาขานั้นๆไปเลย จะดีมากครับ แต่วัยรุ่นส่วนใหญ่จะปราศจากกับคำว่า “รู้ว่าตัวเองอยากเป็นอะไร” ก็จงหาตัวเองต่อไปนะขอรับ ซึ่งเรื่องนี้คงต้องพูดอีกยาว ครั้งหน้าจะเอามาฝากกันนะขอรับ. อ้างอิง จาก Careers in Psychology เว็บ http://allpsych.com/education/careers.html |
ArchivesCategories |